ในปี 2025 Apple ได้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่หลายรุ่น ซึ่งอาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกสับสนว่าควรเลือกรุ่นไหนดี ระหว่าง iPad รุ่นพื้นฐาน, iPad mini, iPad Air หรือ iPad Pro แต่ความจริงแล้ว การเลือก iPad ให้เหมาะกับการใช้งานจริงนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่รู้จุดเด่น จุดต่าง และเป้าหมายในการใช้งานของคุณ บทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมข้อมูลสเปก ราคา และความคุ้มค่าของแต่ละรุ่น
iPad รุ่นที่ 11 – คุ้มค่าราคาเบา เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
หากคุณต้องการแท็บเล็ตสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น ดู Netflix, เรียนออนไลน์ หรือจดโน้ตในห้องเรียน iPad รุ่นที่ 11 คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด
- หน้าจอ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว สีสันสวยงาม ความละเอียดคมชัด
- ใช้ชิป A16 Bionic เร็วเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและแอปพลิเคชันยอดนิยม
- รองรับ Apple Pencil (USB-C) สำหรับการจดโน้ตและวาดภาพ
- มีให้เลือกหลายความจุ ตั้งแต่ 128GB ถึง 512GB
- ราคาเริ่มต้นเพียง 349 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 12,500 บาท
ด้วยราคาที่เป็นมิตรและคุณสมบัติที่ครอบคลุมพื้นฐานทั้งหมด iPad รุ่นนี้เหมาะกับทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง และคนทำงานที่ต้องการแท็บเล็ตที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
iPad mini 7 – ขนาดเล็ก พกง่าย แรงไม่แพ้ใคร
สำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการพกพาแต่ยังต้องการประสิทธิภาพสูง iPad mini 7 คือคู่ใจที่คุณไม่ควรมองข้าม
- หน้าจอ 8.3 นิ้ว Liquid Retina ในขนาดกะทัดรัด พอดีมือ
- ใช้ชิป A17 Pro แบบเดียวกับ iPhone 15 Pro ทำให้มีพลังประมวลผลสูงมาก
- RAM 8GB และความจุสูงสุดถึง 512GB
- เหมาะกับนักธุรกิจ นักเดินทาง นักอ่าน eBook หรือผู้ที่ต้องการแท็บเล็ตพกใส่กระเป๋าเล็กได้ง่าย
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 499 ดอลลาร์ หรือ 17,900 บาท
แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพของ iPad mini 7 ไม่ได้เล็กตามขนาดเลย เหมาะกับคนที่ต้องการพลังและความสะดวกในเครื่องเดียว
iPad Air รุ่นที่ 7 – สมดุลทุกด้าน ทั้งราคาและประสิทธิภาพ
iPad Air 2025 ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่น่าซื้อที่สุดในปีนี้ เพราะมันผสมผสานระหว่างดีไซน์แบบ Pro กับราคาที่เอื้อมถึง
- มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอ: 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว
- ใช้ชิป M3 เหมือนกับ MacBook Air รุ่นใหม่ ทำให้รองรับงานหนักได้สบาย
- หน้าจอ Liquid Retina ที่ให้คุณภาพการแสดงผลยอดเยี่ยม
- ความจุหลากหลาย ตั้งแต่ 128GB ถึง 1TB
- รองรับ Apple Pencil รุ่นใหม่และ Magic Keyboard
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 599 ดอลลาร์ หรือราว 21,500 บาท
iPad Air เหมาะสำหรับนักเรียนระดับมหาวิทยาลัย ฟรีแลนซ์ สายครีเอเตอร์ หรือใครก็ตามที่ต้องการเครื่องมือทำงานที่เบาแต่ทรงพลัง
iPad Pro รุ่นที่ 6 – พรีเมียมสุด สมบูรณ์แบบสำหรับมืออาชีพ
หากคุณต้องการแท็บเล็ตที่สามารถแทนโน้ตบุ๊กได้อย่างแท้จริง iPad Pro 2025 คือสุดยอดของ Apple ที่พร้อมสำหรับทุกงาน
- มีให้เลือกขนาด 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว พร้อมหน้าจอ Ultra Retina XDR แบบ OLED สีสด คอนทราสต์สูง
- ใช้ชิป M4 รุ่นใหม่ล่าสุด เร็ว แรง และประหยัดพลังงาน
- RAM 8GB และ 16GB พร้อมความจุสูงสุด 2TB
- รองรับ Apple Intelligence (AI) และ Machine Learning ขั้นสูง
- เหมาะสำหรับนักออกแบบมืออาชีพ, ตัดต่อวิดีโอ, 3D, สาย developer และงานคอนเทนต์ระดับสูง
- ราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์ หรือประมาณ 35,900 บาท
iPad Pro ไม่ได้เป็นแค่แท็บเล็ต แต่คือ workstation ขนาดพกพาที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของคุณได้อย่างแท้จริง
ตารางเปรียบเทียบ iPad ปี 2025
รุ่น | ขนาดหน้าจอ | ชิป | RAM | ความจุสูงสุด | ราคาเริ่มต้น |
---|---|---|---|---|---|
iPad 11 | 11 นิ้ว | A16 Bionic | 6GB | 512GB | 349 USD (~12,500 บาท) |
iPad mini 7 | 8.3 นิ้ว | A17 Pro | 8GB | 512GB | 499 USD (~17,900 บาท) |
iPad Air 7 | 11/13 นิ้ว | M3 | 8GB | 1TB | 599 USD (~21,500 บาท) |
iPad Pro 6 | 11/13 นิ้ว | M4 | 8/16GB | 2TB | 999 USD (~35,900 บาท) |
แล้วควรเลือกรุ่นไหนดี?
การเลือก iPad ที่เหมาะสมกับคุณขึ้นอยู่กับ “การใช้งาน” เป็นหลัก
- ถ้าใช้งานทั่วไป เรียนออนไลน์ ดู YouTube → iPad 11
- ถ้าเดินทางบ่อย ต้องการพกพาสะดวก → iPad mini 7
- ถ้าใช้งานหลากหลาย ทั้งเรียน เล่น ทำงานเบาๆ → iPad Air 7
- ถ้าทำงานหนัก ตัดต่อ หรือใช้แทนโน้ตบุ๊ก → iPad Pro 6
ไม่จำเป็นต้องเลือกรุ่นที่แพงที่สุดเสมอไป แต่ให้เลือกรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณให้มากที่สุด
บทสรุป
ในปี 2025 Apple ได้พัฒนา iPad ให้มีความหลากหลายทั้งในด้านขนาด ประสิทธิภาพ และราคา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน ผู้ใช้ทั่วไป นักธุรกิจ หรือครีเอเตอร์มืออาชีพ ก็สามารถเลือก iPad ที่เหมาะสมกับงบและการใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
อย่าลืมพิจารณาเรื่องอุปกรณ์เสริม เช่น Apple Pencil และ Magic Keyboard รวมถึง AppleCare+ สำหรับความอุ่นใจในการใช้งานระยะยาว